เป็นที่ 1 ได้ และค่าโฆษณาถูกลง ด้วย Quality Score

เป็นที่ 1 ได้ และค่าโฆษณาถูกลง ด้วย Quality Score

  • Post author:
  • Post category:Traffic
  • Post comments:0 Comments
  • Post last modified:October 27, 2020
  • Reading time:2 mins read
You are currently viewing เป็นที่ 1 ได้ และค่าโฆษณาถูกลง ด้วย Quality Score

ในการลงโฆษณาใน Google Ads Search เราก็ต่างคาดหวังที่จะให้โฆษณาของเราอยู่ในอันดับ 1 บนหน้า Serp อยู่เสมอ ซึ่งในความเข้าใจของพวกเรา ก็คิดว่า”ไม่ยาก”เลย ก็แค่ bid ค่าโฆษณาให้สูงกว่าคู่แข่งก็ได้แล้ว!

ซึ่งก็จริงครับ แต่เมื่อไหร่ที่เราโดนคุม Budget ให้เท่าเดิม แต่ต้องการผลลัพธ์ที่มากขึ้่น สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือ การปรับปรุง Quality Score ให้ดีขึ้น

ในการจัดอันดับโฆษณาของ Google Ads (Ad Rank) จะคำนวณโดยใช้ 2 ปัจจัย คือ ราคา Bid ของคำค้นหา (CPC) และ Quality Score ซึ่งการที่ Google ใช้ Quality Score มาจัดอันดับด้วย ก็เพื่อต้องการทำให้ “ผู้ใช้ Google รู้สึกดีในการค้นหา”

โดยตัว Quality Score นี้ Google จะให้คะแนน ตั้งแต่ 0 -10 ซึ่งคะแนน 10 จะเป็นคะแนนเป้าหมายของเรา ในการปรับปรุง Quality Score ให้ดีขึ้น

และก่อนที่เราจะปรับปรุง Quality Score ให้ดีขึ้น เรามาดูกันก่อนว่า Quality Score ประกอบไปด้วยปัจจัยอะไรบ้าง

3 ปัจจัยใน Quality Score

  1. CTR ก็คือ อัตราการคลิกเมื่อคนเห็นโฆษณา หรือ Clickthrough Rate เช่น โฆษณา A มี CTR อยู่ 10% ก็คือ 100 คนที่เห็นโฆษณา จะคลิกโฆษณา 10 คน
  2. Ad Relevance คือ ความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกัน ของ “คำค้นหา, โฆษณาและเว็บไซต์”
  3. Landing Page Experience ก็คือ ผู้ใช้รู้สึกดีกับเว็บไซต์ของเรามากน้อยแค่ไหน ชอบหรือไม่ชอบยังไง

พอเราเข้าใจปัจจัยของ Quality Score แล้ว เราก็สามารถจะปรับปรุง Quality Score ตามปัจจัยต่างๆ ได้เลย

การปรับปรุง Quality Score ให้ดีขึ้น

  1. CTR โจทย์ก็คือการทำให้ตัวเลขของ CTR ดีขึ้น ก็คือ “เห็นโฆษณาแล้วคลิกมากขึ้นนั่นเอง” ซึ่งก็จะมีเรื่องที่ต้องให้ทำดังนี้ครับ
    • ทำให้โฆษณา”น่าคลิก”มากขึ้น ซึ่งจะมีทั้่งการปรับปรุงการเขียนคำโฆษณาให้โดนใจผู้ค้นหา
    • การใช้ Ad Extension เพื่อให้โฆษณามีหัวข้อมูลที่จะจุงใจให้ผู้ค้นหาคลิกมากขึ้น
    • การสร้าง Ad หลายตัวใน Ad Group เพื่อให้ระบบเลือก Ad ที่มี CTR ที่ดีที่สุดมาคำนวณ
    • การใช้ Keyword Insertion เพื่อให้ระบบผูก”คำค้นหา”กับ”โฆษณา”ให้อัตโนมัติ ทำให้โฆษณามีความเชื่อมโยงกับผู้ค้นหามากขึ้น
  2. Ad Relevance คือการตรวจสอบว่า “คำค้นหา, โฆษณาและเว็บไซต์” เป็นเรื่องเดียวกัน เช่น เมื่อเราจะโฆษณาเกี่ยวกับคำค้นหาสินค้า A คำโฆษณาก็ต้องพูดถึงสินค้า A โดยหน้าเว็บไซต์ก็จะต้องเป็นเรื่องสินค้า A
  3. Landing Page Experience โจทย์ของข้อนี้ก็คือ “การทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกดีกับเว็บไซต์” ซึ่งก็จะมีทั้งการทำให้หน้าเว็บไซต์โหลดเร็ว, เว็บไซต์ดูง่ายแบบ Mobile Site หรือ Responsive Site, การใช้ตัวหนังสือที่ขนาดที่เหมาะสมในการอ่าน, การจัดเรียงโครงสร้างบทความให้อ่านง่าย

และสิ่งที่สำคัญที่ผมมักจะใช้ทุกครั้งในการลงโฆษณา ก็คือ “การเข้าใจบริบทของกลุ่มเป้าหมาย” ซึ่งก็คือการเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมาย (ผู้ค้นหา) กำลังมีปัญหาหรือมีความต้องการอะไร ในรูปแบบไหน แล้วเราก็ทำโฆษณาให้ล้อไปกับรูปแบบที่ผู้ค้นหาต้องการเช่น ผู้ค้นหาต้องการหา “วิธีใช้กล้องมือถือยี่ห้อ X” แต่เราไปลงโฆษณาเป็นเรื่อง “มือถือยี่ห้อ X ราคาถูก” ซึ่งการลงโฆษณาโดยไม่เข้าใจบริบทของลูกค้า ก็จะทำให้แคมเปญโฆษณาของเรามีโอกาสไม่มีประสบความสำเร็จไปด้วยครับ

Leave a Reply