และหลังจากที่ได้พูดถึงไปแล้วว่า Sale Funnel คืออะไร ต่อไปก็คือการนำ Sale Funnel มาวิเคราะห์ และนำข้อมูลมาพัฒนาการทำการตลาดให้ดียิ่งขึ้น
เราจะเห็นได้ว่า Sale Funnel เป็นการอธิบายให้เห็นภาพว่า กว่าที่ลูกค้าจะซื้อสินค้าเรา เราจะต้อง”พา”ลูกค้า เริ่มต้นจากจุดไหน ผ่านจุดไหน และไปจบที่จุดไหน ซึ่งจุดสุดท้ายนี่แหละ ที่เป็นผลลัพธ์ที่ต้องการกัน ก็คือการซื้อเพื่อให้เกิด”ยอดขาย”
เมื่อมียอดขาย ก็ต้องพูดถึง”เงินลงทุน”ด้วย ซึ่งเงินลงทุนในที่นี้ ก็คือ การลงทุนในการทำการตลาดในแต่ละขั้นของ Sale Funnel
และก็เป็นโจทย์ต่อไปว่า ในเมื่อเราลงทุนเงินไปเท่านี้ และได้เงินกลับมาเท่านี้ “แล้วเราจะเดินเกมการขายของเราต่ออย่างไรดีล่ะ?”
และข้อมูลที่เราจะเอามาวิเคราะห์จาก Sale Funnel ก็มีดังนี้ครับ
1. จำนวนลูกค้าแต่ละขั้น (Result)
คือผลลัพธ์ที่เราได้จากทำการตลาดในแต่ละขั้นครับ เช่นใน Trigger เราสามารถทำให้คนจดจำเราได้จำนวน 50,000 คน หรือ ในขั้น Consider มีลูกค้าอยู่ 500 คน เป็นต้น
2. อัตราส่วนในการเปลี่ยนแปลงแต่ละขั้น (Conversion Rate)
คือการคิดหา % ของการข้ามขั้นของลูกค้าครับ เช่น จาก Trigger ที่มีคนอยู่ 50,000 คน เปลี่ยนมาเป็นขั้น Research เหลืออยู่ที่ 5,000 คน ก็คิดเป็น Conversion Rate อยู่ที่ 10%
3. เงินลงทุนการตลาดในแต่ละขั้น เพื่อหา ROI
เป็นการนำ “เงินลงทุนการตลาดในแต่ละขั้น” มาดูความคุ้มค่าในการทำการตลาดเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ ที่เรียกว่า ROI – “Return of Investment” ตัวอย่างเช่น ในขั้น Research เราลงทุนไป 15,000 บาท ผลลัพธ์ที่ได้จากขั้นนี้คือ 5,000 คน ถ้าคิดเป็น ROI ก็คือ 33.33% (ปล.ROI ยิ่งสูงยิ่งน่าลงทุน)
และหลังจากที่เราได้ข้อมูลทั้ง 3 ชุดแล้ว ก็จะทำให้เราเห็นภาพรวมของการทำการตลาด และทำให้เรา”เอ๊ะ”ได้ว่า มีจุดไหนที่เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ เช่น อยากจะทำให้ Conversion Rate ของแต่ละขั้นดีขึ้น โดยการไปดูว่า คอนเท้นท์ในขั้นนั้นๆ สามารถ”ชักจุง”ลูกค้าให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง
และด้วยข้อมูลจาก Sale Funnel เบื้องต้น 3 ข้อนี้ ก็น่าจะทำให้นักขายออนไลน์ สามารถนำไปพัฒนาการทำการตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย ได้อย่างมีทิศทางขึ้นครับ