มีอยู่หลายครั้ง ที่ผมให้ทีมงานเขียนโพสต์ขายของบน Facebook ซึ่งก็ทำได้ดีนะครับ มีลูกค้าให้ความสนใจดีทีเดียวเลย แต่พอหลังๆ ผมเริ่มสังเกตุได้ถึงอาการ”หมดมุก”ในการเขียนโพสต์ โพสต์ที่ทำออกมาก็จะเป็นแนวๆที่เคยใช้ไปแล้ว ซึ่งก็ทำให้โพสต์ขาดความรู้สึกแปลกใหม่ไป
และอาการหมดมุกนี่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ ผมเองก็เคยเป็นมาก่อน ซึ่งนอกจากจะทำให้ผลงานที่ออกมาไม่รู้สึกแปลกใหม่อะไรแล้ว ยังทำให้การเขียนโพสต์ดูไม่สนุกไปด้วยเลย
เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมต้องไปหาความรู้เพิ่มเติมว่า การเขียนคอนเท้นท์มีหลักการอะไรและมีเทคนิคอะไรบ้างที่ทำให้น่าสนใจ
ซึ่งหนึ่งในหลักการที่ได้เรียนรู้มา ก็มี AIDA นี่แหละครับ
A – Attention คือ “การดึงดูดความสนใจจากลูกค้า” นอกจากการใช้รูปภาพสวยๆ รูปภาพที่แปลกตาแล้ว การเขียนจั่วหัวที่ดี ก็ช่วยดึงดูดความสนใจได้มากขึ้นครับ
และการที่เราต้องดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ก็เพื่อเรียกลูกค้าให้หยุดสนใจสิ่งอื่น ให้มาสนใจคอนเท้นท์ของเราแทน เช่น ลูกค้ากำลังไถหน้าฟีด Facebook อยู่ พอเห็นโพสต์ของเราเข้าก็หยุดดู และเสพเนื้อหาของโพสต์เราต่อไป
ซึ่งสิ่งที่จะช่วยดึงดูคนหยุดดูได้ ก็อย่างเช่น การพูดถึงปัญหาที่ลูกค้ากำลังเจออยู่, ประโยชน์ที่ลูกค้ากำลังมองหาอยู่ หรือผลประโยชน์บางอย่างที่น่าสนใจ เช่น ส่วนลดโปรโมชั่นต่างๆ
I – Interest คือ “การทำให้ความสนใจของลูกค้ายังคงอยู่” ได้แก่ การขยายปัญหาที่ลูกค้าเจออยู่ ให้เห็นภาพมากขึ้น, การขยายประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ ให้ใหญ่ขึ้น หรือการอ้างถึงปั้ญหาที่ลูกค้าเจออยู่ก็เกิดกับคนหมู่มากเช่นเดียวกัน รวมถึง อ้างอิงไปยังบุคคลที่น่าเชื่อถืออื่นๆที่เจอปัญหาเหมือนกัน
D – Desire คือ “การทำให้ลูกค้าคล้อยตาม” โดยการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า เราสามารถแก้ปัญหาหรือสร้างประโยชน์ให้กับเค้าได้อย่างไร ลดความกังวลใจต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับลูกค้า และมีการเปรียบเทียบข้อดีกว่าคู่แข่งธุรกิจ หรือ เปรียบเทียบข้อดีกว่าระหว่างลูกค้าได้สินค้าเรากับก่อนไม่ได้สินค้าเรา
A – Action คือ “การกระตุ้นให้ลูกค้าทำอะไรบางอย่าง” ถ้าเป็นเรื่องขายของ ก็คือให้ลูกค้า”ซื้อ”นั่นเอง ข้อนี้มีหลักการง่ายๆคือ “ให้ทำอย่างเดียว ง่ายๆ” เพราะถ้าเมื่อไหร่ มีทางเลือกให้ลูกค้าทำเยอะแยะจนเลือกไม่ถูก สิ่งที่ลูกค้าเลือกจะทำคือ “ไม่ทำอะไรเลย”
ตัวอย่าง
สำหรับผมแล้ว หลักการทำคอนเท้นท์แบบ AIDA เป็นหลักการที่มีประโยชน์มากครับ เพราะสามารถหาไอเดียทำโพสต์ได้หลายแนวเลย ซึ่งก็สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งประเภทคอนเท้นท์ทั้ง Push & Pull Content หรือจะเอาไปประยุกต์ทำคอนเท้นในด้านอื่นก็ได้เช่นเดียวกันครับ
